ตาลีบัน ยึดเมืองหลวงอัฟกานิสถานสำเร็จ ขณะที่ ปธน.หนีออกนอกประเทศ

ตาลีบัน ยึดเมืองหลวงอัฟกานิสถานสำเร็จ ขณะที่ ปธน.หนีออกนอกประเทศ

กลุ่ม ตาลีบัน บุกยึดกรุงคาบูล เมืองหลวงอัฟกานิสถานได้สำเร็จ หลังจากที่ประธานาธิบดีหนีออกจากประเทศ พร้อมประกาศกร้าวสงสงครามสิ้นสุดแล้ว เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม สำนักข่าว อัลจาซีร่า รายงานว่า กลุ่มติดอาวุธตาลีบัน ได้เข้าบุกยึดทำเนียบของประธานาธิบดี ในกรุงคาบูล เมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถานได้สำเร็จ หลังจากที่นาย อัชราฟ กานี ประธานาธิบดีได้ลี้ภัยออกนอกประเทศ พร้อมให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เกิดการนองเลือด

โดยโฆษกของกลุ่มตาลีบันได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัลจาซีร่าว่า 

“วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับชาวอัฟกานิสถานและพลทหารมุสลิมทุกคน เพราะพวกเขาได้เป็นสักขีพยานในการเห็นผลสำเร็จ หลังจากที่พวกเขาได้เสียสละแต่ต่อสู้นานกว่า 20 ปี ขอบคุณพระเจ้า สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว”

ซึ่งทางโฆษกของกลุ่มยังได้ระบุอีกว่าทางกลุ่มจะตัดสินและเปิดเผยถึงรูปแบบการปกครองในเร็ววันนี้ พร้อมระบุอีกด้วยว่าประเทศอัฟกานิสถานไม่อยากอยู่เพียงลำพังและพร้อมจะมีติดต่อกับนานาชาติอย่างสงบ

นอกจากนี้ทางสำนักข่าวระบุว่าประชาชนชาวอัฟกานิสถานหลายร้อนคนได้แห่เดินทางไปยังสนามบินเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่ สหราชอาณาจักรเตรียมเปิดประชุมสภาก่อนกำหนดวันพุธที่ 18 ส.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน แคนาดาประกาศระงับการปฏิบัติงานของสถานทูตของตัวเอง ขณะที่สวีเดนยืนยันจะอพยพเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในเมืองหลวงแห่งนี้ภายในวันจันทร์ ส่วนเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตของพวกเขาส่วนใหญ่ไปรวมตัวกันที่สนามบินกรุงคาบูลแล้ว

นอกจากนี้ทางสถานีโทรทัศน์เกาหลีเหนือยังได้เผยแพร่ภาพพิธีเปิดโอลิมปิกประมาณสองสามวันให้หลังวันเปิดการแข่งขัน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

โดยในปีนี้ทางเกาหลีเหนือไม่ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวแต่อย่างใด ซึ่งทางเกาหลีเหนือให้เหตุผลว่าทางการต้องการปกป้องนักกีฬาจากการโรคโควิด-19

ซึ่งทางเกาหลีเหนืออ้างว่าในขณะนี้ประเทศไม่พบผู้ป่วยโควิดแม้แต่รายเดียว อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญไม่เชื่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว

ในเอกสารยังได้เปรียบเทียบด้วยว่า อัตราที่โควิดสายพันธุ์ดังกล่าวจะแพร่เชื้อไปยังประชาชนที่ฉีดวัคซีนและยังไม่ฉีดวัคซีนมีความใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนจะมีความปลอดภัยกว่าประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 และสามารถลดอาการป่วยรุนแรงได้ถึงร้อยละ 90 จากนั้นนำ ไปถึง การตั้งคำถามต่อว่า ในประเทศที่มีประเพณีการงีบหลับ กลางวันตอนบ่าย จะเกิดผลกระทบมากน้อยเท่าใด จะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ ซึ่งในประเทศสเปนเริ่มมีการพิเคราะห์เรื่องนี้แล้ว

WHO เผย โควิดเดลต้า ระบาดแล้ว 142 ประเทศทั่วโลก

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาเปิดเผยว่าในขณะนี้ โควิดเดลต้า ระบาดแล้วกว่า 142 ทั่วโลก เชื่อแพร่เชื้อง่ายกว่าโควิดทั่วไป

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้รายงานผลวิจัยเกี่ยวกับโควิดเดลต้าหรือโควิดสายพันธุ์อินเดีย ที่ได้มาจากผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีตรวจลำดับพันธุกรรม PCR ในผู้ติดเชื้อโควิดที่ถูกกักตัว พบว่า ปริมาณของไวรัสที่ตรวจพบในผู้ที่ติดเชื้อ “เดลต้า” เป็นครั้งแรกนั้น มีจำนวนเชื้อมากกว่า 1,000 เท่า เมื่อเทียบกับปริมาณไวรัสของโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม ที่ตรวจพบในผู้ป่วยโควิดที่ติดเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม

โดยจากการตรวจพบในครั้งนี้ทำให้ทาง WHO ตั้งข้อสันนิษฐานว่า โควิดเดลต้ามีความสามารถในการแบ่งตัวที่รวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อเดลต้าซ้ำได้ ตั้งแต่ช่างแรกๆที่เดลต้าเริ่มระบาด

นอกจากนี้ ในรายงานยังระบุด้วยว่า เดลต้ายังระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 142 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลกแล้ว โดยเพิ่มขึ้นรวดเดียว 7 ประเทศภายในสัปดาห์เดียวในช่วงวันที่ 4- 10 สิงหาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ อัลฟา โควิดกลายพันธุ์จากอังกฤษ ระบาดไป 185 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้น 3 ประเทศใน 1 สัปดาห์ ส่วนเบตา กลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ ระบาดไป 136 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้น 4 ประเทศจากสัปดาห์ก่อนหน้า และแกมมา กลายพันธุ์จากบราซิล ระบาดไป 81 ประเทศทั่วโลก

ทั้ง 4 สายพันธุ์เป็นโควิดกลายพันธุ์อันตราย ที่ WHO ได้ยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ส่วนกลายพันธุ์แลมบ์ดา และโคลอมเบีย ยังไม่ได้ถูกยกระดับให้เป็นสายพันธุ์น่ากังวล

WHO ยังสรุปภาพรวมสถานการณ์ล่าสุดการระบาดของโควิดทั่วโลกด้วยว่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดสะสมทั่วโลก ทะลุหลัก 200 ล้านคนไปแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนในการเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวจาก 100 ล้านคนแรก

ส่วนยอดผู้เสียชีวิตและยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดสะสมทั่วโลก ก็ยังเพิ่มไม่หยุดในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 สิงหาคม โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 65,000 คนทั่วโลกในรอบสัปดาห์ดังกล่าว และผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 4.2 ล้านคนทั่วโลกในระยะเวลาเดียวกัน

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า